Flowers
วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554
เทคนิคการบังคับพุดสามสีให้ออกดอก
สำหรับใครที่ปลูกต้นพุดสามสีแล้วมีแต่ใบ ไม่เห็นมีดอกเหมือนกับตอนที่ซื้อมาจากร้าน ก็มีเทคนิคเล็กๆน้อยๆมาฝาก ก่อนอื่นเลยก็รูดใบออกให้หมดเหลือไว้แต่ยอดอ่อนที่เพิ่งแตก แล้วพรวนดิน รดน้ำ ซื้อปุ๋ยที่เลขตัวหลังเยอะๆๆ ไว้ก่อนมาใส่ อีกไม่นานก็รอชมดอกสวยๆเต็มต้นได้เลย
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ยี่โถ
รสสุคนธ์ปนมะลิผลิดอกโต ยี่เข่งเข็มสารภี ยี่โถ ดอกส้มโอกลิ่นกล้าน่าดม |
![]() |
|
ลักษณะเฉพาะ
ยี่โถ เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 20 ฟุต เปลือกของลำต้นมีสีเทาเรียบ เมื่อตัดหรือเด็ดจะมีน้ำยางไหลออกมา ใบ เป็นใบเดี่ยวรูปร่างรี ปลายและโคนใบแหลม ยาว ๑๕-๑๗ cm. กว้าง ๑.๗-๒.๐ cm. ขอบใบเรียบไม่มีจัก หนาแข็ง มีสีเขียวเข้ม ก้านใบสั้น ออกตามข้อของลำต้น ดอกมีสีชมพู ขาว ออกตามปลายของยอดลำต้นเป็นกระจุกหรือช่อ รูปร่างคล้ายกรวยหรือปากแตร เวลาบานกลีบจะมีกลิ่นหอม ดอกยี่โถสามารถออกดอกได้ทั้งปี ผลเกิดเมื่อดอกมีการผสมเกสรและร่วงหลุดไป จะเกิดผลเป็นฝัก 2 ฝัก ต่อ 1 ดอกยี่โถ 1 ดอก เมล็ดลักษณะคล้ายเส้นไหม![]() |
ชงโค ยี่โถ ขจร รสรื่นรรวยรมย์…” |
ประโยชน์
- ส่วนที่ใช้เป็นยา : ดอก ผล ใบ
- ผล ขับปัสสาวะ
- ดอก แก้อักเสบ แก้ปวดศีรษะ
- ใบ ใช้เป็นยารักษาโรคหัวใจ (มีความเป็นพิษสูงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง)
- นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาฆ่าแมลง และยาเบื่อหนูได้
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
บัวดิน
ชื่อวิทยาศาสตร์: Zephyranthes spp.
ชื่อวงศ์: Amarylieaceae
ชื่อสามัญ: Zephyranthes
ชื่อพื้นเมือง: Zephyranthes Lily, Rain Lily ,Fairy Lily, Little Witches, บัวสวรรค์, บัวดิน, บัวฝรั่ง
ลักษณะทั่วไป:
ต้น เป็นไม้หัว ขนาดเล็กเป็นไม้ล้มลุกกิ่งยืนต้น หัวมีลักษณะกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 นิ้ว ต้นเจริญ จากหัว
ใบ มีใบยาวเรียว บางชนิดใบแบน บางชนิดใบกลม ความยาวของใบ 6-12 นิ้ว
ดอก ดอกเป็นรูปกรวย มี 6 กลีบ การจัดเรียงของกลีบดอกเป็นแบบสลับ ดอกแบบชั้นเดียว มีก้านดอกยาว 4-12 นิ้ว ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว เหลือง และชมพู
ฤดูกาลออกดอก: ในฤดูฝน
การปลูก: ปลูกประดับในสวนหิน เนื่องจากพุ่มต้นเตี้ย ดอกเด่น หรือ ปลูกตามขอบสนามหรือ แนวรั้ว
การดูแลรักษา: ชอบดินโปร่ง ร่วนซุย กักเก็บความชื้นดี แต่น้ำไม่ขังจนแฉะ การบังคับให้บัวสวรรค์ออกดอก ใช้หลักการ dry & wet เหมือนกับที่ใช้กับไม้หัวโดยทั่ว ๆไป คือ ถ้าเราไม่ต้องการให้ออกดอก ก็งดน้ำติดต่อกันชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่ควรต่ำกว่า 15 วัน ในช่วงนี้ อาหารจะถูกเก็บสะสมที่หัว และหลังจากนั้นจึงค่อยรดน้ำ ตาดอกจะเจริญทันที และจะออกดอกหลังจากรดน้ำเพียง 5-7 วัน
การขยายพันธุ์: เมล็ด แยกหัวไปปลูก
การใช้ประโยชน์: ไม้ประดับ
ถิ่นกำเนิด: อเมริกากลาง ,อเมริกาใต้ หรือ เม็กซิโก
ข้อมูลจาก www.nanagarden.com
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554
พุดซ้อน
![]() | ||||||||||||
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
พุดซ้อนเป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 1-2เมตร แตกกิ่งแขนงมาก ลำต้นเรียวเป็นรูปกรวย ใบเดี่ยว รูปหอก ปลายใบและโคนใบแหลม ใบมีสีเขียวมน ดอกเดี่ยวสีขาวออกตามซอกใบและปลายกิ่ง มีกลีบเลี้ยงหนาเป็นสัน มีทั้งชนิดดอกลา คือกลีบดอกชั้นเดียว และชนิดดอกซ้อน มีกลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนกัน เมื่อดอกบานมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7-8 ซม. กลิ่นหอมแรง ออกดอกตลอดปี
การปลูกเลี้ยง
พุดซ้อน เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการแสงแดดจัด ชอบดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง
ประโยชน์
นิยมนำไปร้อยพวงมาลัยบูชาพระ เมล็ดสีเหลืองทอง ใช้แต่งสีอาหารและทำสีย้อม ส่วนดอกใช้สกัดน้ำมันหอมระเหย ใช้ทำน้ำหอมและแต่งกลิ่นเครื่องสำอาง
![]() | ||||||
|
ดอกมิกกี้เมาส์
![]() |
ชื่อสามัญ Micky mouse plant ชื่อวิทยาศาสตร์ Ochna kirkii Oliv. ชื่อวงศ์ Ochnaceae |
พุดเวียดนาม
พุดเวียดนาม
พุดเวียดนามเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กสูง 1-2 เมตร
ใบเดี่ยวปลายใบแหลม ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน
ดอกใหญ่สีขาวหอมแรง ออกที่ปลายยอด โคนกลีบดอกเลี้ยงสีเขียวรูปถ้วย
ออกดอกตลอดปี เป็นไม้ชอบแสงแดด ปลูกในดินร่วน
พุดน้ำบุษย์
ชื่ออื่น : ตะบือโก (มลายู นราธิวาส), บาแยมาเดาะ (มลายู นราธิวาส), ระนอ (มลายู ยะลา), ระไน (ยะลา), รักนา (ใต้,ภูเก็ต), รัตนา (ใต้)
พุดน้ำบุษย์ เป็นไม้พุ่มดอกหอมขนาด เล็ก แตกกิ่งจำนวนมาก กิ่งเปราะ ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามเป็นคู่ ใบรูปรี ปลายใบเรียวแหลม แผ่นใบค่อนข้างหนา เกลี้ยงเป็นมันทั้งสองด้าน เส้นใบย่อยเห็นเป็นร่องลึก
ดอกพุดน้ำบุษย์ เป็นดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบใกล้ปลายยอด โคนกลีบดอกเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 6-9 กลีบ พุดน้ำบุษย์มีดอกสวยและมีกลิ่นหอมแรง โชยกลิ่นได้ตลอดทั้งวัน ออกดอกได้ตลอดทั้งปีครับ ดอกจะบานอยู่ได้ประมาณ 2-3 วันแล้วโรย โดยสีของกลีบดอกพุดน้ำบุษย์จะค่อยๆเปลี่ยนโทนสี จากสีขาวนวลเมื่อเริ่มบาน ไปจนถึงเหลือง และมีสีเหลืองทองจนออกส้มเข้มก่อนจะร่วงโรย
พุดน้ำบุษย์ เป็นไม้ดอกหอมที่ปลูกเลี้ยงง่าย ออกดอกง่าย และดอกดก หาซื้อง่าย ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์ขายเป็นกิ่งตอน ทำให้สามารถออกดอกได้เลยตั้งแต่ลำต้นเล็กๆ
การปลูกพุดน้ำบุษย์ สามารถปลูกเป็นไม้กระถาง และออกดอกได้ดีในกระถาง หรือหากปลูกลงดินก็เจริญเติบโตเป็นพุ่มใหญ่และออกดอกได้เต็มทรงต้น ควรปลูกเลี้ยงกลางแจ้ง หรือได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ ถ้าหากอยู่ในที่ร่มจะมีแต่ใบ และไม่ค่อยออกดอก
พุดน้ำบุษย์ เป็นไม้พุ่มดอกหอมขนาด เล็ก แตกกิ่งจำนวนมาก กิ่งเปราะ ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามเป็นคู่ ใบรูปรี ปลายใบเรียวแหลม แผ่นใบค่อนข้างหนา เกลี้ยงเป็นมันทั้งสองด้าน เส้นใบย่อยเห็นเป็นร่องลึก
ดอกพุดน้ำบุษย์ เป็นดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบใกล้ปลายยอด โคนกลีบดอกเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 6-9 กลีบ พุดน้ำบุษย์มีดอกสวยและมีกลิ่นหอมแรง โชยกลิ่นได้ตลอดทั้งวัน ออกดอกได้ตลอดทั้งปีครับ ดอกจะบานอยู่ได้ประมาณ 2-3 วันแล้วโรย โดยสีของกลีบดอกพุดน้ำบุษย์จะค่อยๆเปลี่ยนโทนสี จากสีขาวนวลเมื่อเริ่มบาน ไปจนถึงเหลือง และมีสีเหลืองทองจนออกส้มเข้มก่อนจะร่วงโรย
พุดน้ำบุษย์ เป็นไม้ดอกหอมที่ปลูกเลี้ยงง่าย ออกดอกง่าย และดอกดก หาซื้อง่าย ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์ขายเป็นกิ่งตอน ทำให้สามารถออกดอกได้เลยตั้งแต่ลำต้นเล็กๆ
การปลูกพุดน้ำบุษย์ สามารถปลูกเป็นไม้กระถาง และออกดอกได้ดีในกระถาง หรือหากปลูกลงดินก็เจริญเติบโตเป็นพุ่มใหญ่และออกดอกได้เต็มทรงต้น ควรปลูกเลี้ยงกลางแจ้ง หรือได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ ถ้าหากอยู่ในที่ร่มจะมีแต่ใบ และไม่ค่อยออกดอก
พุดสามสี
ชื่ออื่น : พุดสามสี, พุดสี, พุทธชาดม่วง, พุทธชาดสามสี, สามราศี, พุดสองสี, Manaca, Yesterday-Today-and-Tomorrow
พุดสามสี Brunfelsia uniflora (Pohl) D. Don มีชื่อสามัญสุดน่ารัก ว่า Yesterday-Today-and-Tomorrow เป็นไม้ดอกหอมในวงศ์ SOLANACEAE มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอเมริกาเขตร้อนและหมู่เกาะอินดีส
พุดสามสี เป็นไม้พุ่มดอกหอม แตกกิ่งขนาดเล็กจำนวนมาก ทรงพุ่มกลมแน่นทึบ กิ่งมีขนาดเล็กและเปราะ ใบเดี่ยว รูปรี ปลายใบเรียวแหลม ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ผิวใบเรียบเป็นมันทั้งสองด้าน
ดอกพุดสามสี เป็นดอกเดี่ยว ออกดอกที่ใกล้ปลายยอด มี 5 กลีบ ของกลีบมีรอยย่น มีกลิ่นหอมแรง และส่งกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน และออกดอกได้ตลอดทั้งปี โดยดอกจะสามารถเปลี่ยนโทนสีได้ จากเริ่มแย้มบานจะเป็นสีม่วงอมน้ำเงินเข้ม แล้วสีจะค่อยๆ อ่อนจางลงเรื่อยๆ จนเป็นสีม่วงอ่อนและเปลี่ยนเป็นดอกสีขาวนวลก่อนจะร่วงโรย ทำให้มีชื่อเรียกแตกต่างกันมากมาย เช่น พุดสี, พุทธชาดม่วง, พุทธชาดสามสี, สามราศี, พุดสองสี เป็นต้น
การปลูกเลี้ยงพุดสามสี สามารถปลูกเป็นไม้กระถางได้ดี เจริญเติบโตได้ดีในทุกภาค พุดสามสีต้องการได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน อย่าให้ขาดน้ำ หมั่นตัดตกแต่งกิ่งให้เป็นทรงพุ่ม จะช่วยให้ออกดอกได้ดกมากยิ่งขึ้น หากออกดอกดก พร้อมๆ กัน ดอกจะสีม่วงสลับสีขาวไปทั่วทั้งพุ่ม
พุดบูรพา
พุดบูรพา
เป็นพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ มีดอกดกตลอดปี ดอกบานได้ทนหลายวัน มีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ และที่แปลกกว่าพุดทั่วไป ได้แก่ ใบจะเรียวเล็กกว่าใบพุด ทั่วไปอย่างชัดเจน
พุดบูรพา หรือ พุดใบเรียว-พุดใบเล็ก อยู่ในสกุลเดียวกับรักนา ที่เคยเสนอในคอลัมน์ไปนานแล้ว อยู่ในวงศ์ RUBIACEAE เป็นไม้พุ่มสูง 3-5 เมตร แตกกิ่งก้านหนาแน่น เป็นพุ่มทรงกลม กิ่งอ่อนเป็นข้อหรือปล้อง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงกันข้ามบริเวณข้อหรือปล้องจำนวน 3 ใบ ใบเป็นรูปใบหอก เล็ก เรียว ยาวประมาณ 3 นิ้วฟุต กว้างประมาณ 1 นิ้วฟุต ปลายและโคนใบแหลม หน้าใบสีเขียวเข้ม หลังใบสีเขียวหม่น ใบดกเป็นพุ่มน่าชม
ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆบริเวณซอกใบ หรือซอกกิ่งที่แตกตามข้อและปลายยอด โดยจะมีดอกดกเต็มต้น ดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นกลีบดอก 8 กลีบ รูปรี ปลายแหลม หรือเกือบมน คล้ายกลีบดอกรักนามาก กลีบดอกเป็นสีขาว มีเกสรบริเวณใจกลางดอกเป็นสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมเย็น ดอกบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์ กลางประมาณ 7-10 ซม. ดอกเมื่อแก่ ใกล้จะโรย สีกลีบดอกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองตามแบบฉบับของดอกพุดทั่วไป
เวลา มีดอกเต็มต้น และดอกบานพร้อมกัน จะดูสวยงามและส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายทั่วบริเวณใกล้เคียงเป็นที่ชื่นใจมาก ดอกบานได้นานประมาณ 3-4 วัน มีดอก ดกไม่ขาดต้น หรือมีดอกตลอดปีนั่นเอง ดอกตูมไม่ร่วงเหมือนดอกพุดพันธุ์อื่น และ ที่เป็นจุดเด่นได้แก่ ดอกของ “พุดบูรพา” หรือ พุดใบเรียว หรือ พุดใบเล็ก จะไม่ทยอยบาน แต่จะบานพร้อมกันทั้งต้น (พุดชนิดอื่นดอกทยอยบาน) จึงทำให้งดงามน่าชมและแปลกมาก
ผล เป็นรูปกลมรี มีเมล็ดจำนวนมาก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปักชำกิ่ง และตอนกิ่ง ปัจจุบัน “พุดบูรพา” หรือ พุดใบเรียว-พุดใบเล็ก
การปลูก เหมาะจะปลูกเป็นไม้ประดับในบริเวณบ้าน สำนักงาน หรือสวนสาธารณะทั่วไป ซึ่งถ้าปลูกในบริเวณบ้านควรปลูกด้านเหนือลม ลักษณะเป็นไม้ชอบดินชื้น ชอบแดดจัด หลังปลูกรดน้ำเช้าเย็น บำรุงปุ๋ยขี้วัวหรือขี้ควายแห้งโรยกลบฝังดินรอบโคนต้น 15 วันครั้ง สลับกับใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 อาทิตย์ละครั้ง จะทำให้ต้นเป็นพุ่มแน่น มีดอกดกเต็มต้นตลอดปี แต่ช่อดอกตูมชอบหลุด เอาใจยากน่าดูเหมือนกัน
เป็นพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ มีดอกดกตลอดปี ดอกบานได้ทนหลายวัน มีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ และที่แปลกกว่าพุดทั่วไป ได้แก่ ใบจะเรียวเล็กกว่าใบพุด ทั่วไปอย่างชัดเจน
พุดบูรพา หรือ พุดใบเรียว-พุดใบเล็ก อยู่ในสกุลเดียวกับรักนา ที่เคยเสนอในคอลัมน์ไปนานแล้ว อยู่ในวงศ์ RUBIACEAE เป็นไม้พุ่มสูง 3-5 เมตร แตกกิ่งก้านหนาแน่น เป็นพุ่มทรงกลม กิ่งอ่อนเป็นข้อหรือปล้อง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงกันข้ามบริเวณข้อหรือปล้องจำนวน 3 ใบ ใบเป็นรูปใบหอก เล็ก เรียว ยาวประมาณ 3 นิ้วฟุต กว้างประมาณ 1 นิ้วฟุต ปลายและโคนใบแหลม หน้าใบสีเขียวเข้ม หลังใบสีเขียวหม่น ใบดกเป็นพุ่มน่าชม
ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆบริเวณซอกใบ หรือซอกกิ่งที่แตกตามข้อและปลายยอด โดยจะมีดอกดกเต็มต้น ดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นกลีบดอก 8 กลีบ รูปรี ปลายแหลม หรือเกือบมน คล้ายกลีบดอกรักนามาก กลีบดอกเป็นสีขาว มีเกสรบริเวณใจกลางดอกเป็นสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมเย็น ดอกบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์ กลางประมาณ 7-10 ซม. ดอกเมื่อแก่ ใกล้จะโรย สีกลีบดอกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองตามแบบฉบับของดอกพุดทั่วไป
เวลา มีดอกเต็มต้น และดอกบานพร้อมกัน จะดูสวยงามและส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายทั่วบริเวณใกล้เคียงเป็นที่ชื่นใจมาก ดอกบานได้นานประมาณ 3-4 วัน มีดอก ดกไม่ขาดต้น หรือมีดอกตลอดปีนั่นเอง ดอกตูมไม่ร่วงเหมือนดอกพุดพันธุ์อื่น และ ที่เป็นจุดเด่นได้แก่ ดอกของ “พุดบูรพา” หรือ พุดใบเรียว หรือ พุดใบเล็ก จะไม่ทยอยบาน แต่จะบานพร้อมกันทั้งต้น (พุดชนิดอื่นดอกทยอยบาน) จึงทำให้งดงามน่าชมและแปลกมาก
ผล เป็นรูปกลมรี มีเมล็ดจำนวนมาก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปักชำกิ่ง และตอนกิ่ง ปัจจุบัน “พุดบูรพา” หรือ พุดใบเรียว-พุดใบเล็ก
การปลูก เหมาะจะปลูกเป็นไม้ประดับในบริเวณบ้าน สำนักงาน หรือสวนสาธารณะทั่วไป ซึ่งถ้าปลูกในบริเวณบ้านควรปลูกด้านเหนือลม ลักษณะเป็นไม้ชอบดินชื้น ชอบแดดจัด หลังปลูกรดน้ำเช้าเย็น บำรุงปุ๋ยขี้วัวหรือขี้ควายแห้งโรยกลบฝังดินรอบโคนต้น 15 วันครั้ง สลับกับใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 อาทิตย์ละครั้ง จะทำให้ต้นเป็นพุ่มแน่น มีดอกดกเต็มต้นตลอดปี แต่ช่อดอกตูมชอบหลุด เอาใจยากน่าดูเหมือนกัน
พุดพิชญา
พุดพิชญา เป็นพืชในสกุลโมก ในประเทศไทยนำเข้าจากประเทศศรีลังกา มีชื่อทองถิ่นว่า "อิดด้า" (Inda) มีความหมายว่าดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ผู้นำเข้าคือ คุณปราณี คงพิชญานนท์ ลักษณะของดอกสีขาวเหมือนกลุ่มดอกพุดในบ้านเรา เธอจึงนำชื่อ ดอกพุด มา สมาส เข้ากับวลีนามสกุล ออกมาเป็นชื่อใหม่ว่า "พุดพิชญา"
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
ลักษณะทางพฤษศาสตร์
พุดพิชญาเป็นไม้หลายขนาด ทั้งต้นเตี้ย ต้นสูง และต้นใหญ่ ลำต้นสีน้ำตาล ใบสีเขียวเข็ม หลังใบสีเขียวอ่อน ไม่ผลัดใบ ออกดอกตลอดทั้งปี ให้ดอกแป็นช่อดอก ช่อละ 5 - 10 ดอก ดอกบานทนตั้งแต่แรกแย้มไปจนสู่บานเต็มที่ ใช้เวลา 4 - 5 วัน ดอกตูมในช่อดอกอื่นๆก็ค่อยทยอยโต และทยอยกันบานไปเรื่อยๆ ลักษณะดอกเป็นกลีบแยก 5 กลีบ เกสรตรงกลางสีเหลืองมีฝอยเกสรสีขาวล้อมรอบ เมื่อดอกบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ก้านดอกยาวประมาณ 1 นิ้ว การปลูกเลี้ยง
ปลูกเป็นไม้กระถางก็ได้หรีอปลูกลงดินก็ได้ เลี้ยงง่าย ปรับตัวได้ในเกือบทุกสิ่งแวดล้อม ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยใบจามจุรีหมัก เพราะมีไนโตรเจนสูง ถ้าต้องการเร่งและบำรุงดอกใช้ปุ๋ยขี้ไก่ เพราะมีฟอสฟอรัสสูง ขยายพันธุ์โดยการ ตอนกิ่ง และการปักชำข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)